ทักษิณเผชิญคดีหมิ่นประมาทราชวงศ์อีกครั้ง พร้อมร่างกฎหมายภาษี 542 ล้านดอลลาร์
อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ของไทย เผชิญกับปัญหาทางกฎหมายอีกครั้ง หลังจากที่อัยการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาที่ยกฟ้องเขาในคดีหมิ่นประมาทราชวงศ์ และศาลสูงสุดของประเทศได้มีคำสั่งแยกกันให้เขาจ่ายเงินภาษีย้อนหลังหลายร้อยล้านดอลลาร์
อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ของไทย เผชิญกับปัญหาทางกฎหมายอีกครั้ง หลังจากที่อัยการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาที่ยกฟ้องเขาในคดีหมิ่นประมาทราชวงศ์ และศาลสูงสุดของประเทศได้มีคำสั่งแยกกันให้เขาจ่ายเงินภาษีย้อนหลังหลายร้อยล้านดอลลาร์
ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำสั่งศาลให้ลงโทษทางภาษีอีกครั้งจากกรณีที่ทักษิณขายบริษัทโทรคมนาคม Shin Corp. ของเขาให้กับบริษัท Temasek Holdings Pte ของสิงคโปร์เมื่อปี 2549 โดยพลิกคำตัดสินก่อนหน้านี้ที่ทำให้คำร้องของกรมสรรพากรเป็นโมฆะ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตัดสินใจที่จะท้าทายคำตัดสินของศาลชั้นล่างเมื่อเดือนสิงหาคมที่ตัดสินให้ทักษิณพ้นผิดจากข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์
ความล้มเหลวทางกฎหมายสองกรณีนี้ถือเป็นจุดพลิกผันครั้งล่าสุดในเรื่องราวอันยาวนานของทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการเมืองไทยนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000 คดีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลที่เสื่อมถอยลงแต่ยั่งยืนของเขาที่มีต่อโครงสร้างอำนาจของประเทศ
ทนายความของเขาไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ศาลฎีกายังไม่ได้เผยแพร่คดีภาษีของทักษิณบนเว็บไซต์
การขายหุ้นมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ซึ่งดำเนินการโดยไม่มีการจ่ายภาษีใดๆ ก่อให้เกิดการประท้วงบนท้องถนนอย่างกว้างขวาง ซึ่งท้ายที่สุดนำไปสู่การโค่นล้มทักษิณด้วยการรัฐประหาร ร่างกฎหมายภาษีมูลค่า 17.6 พันล้านบาท (542 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในสัปดาห์นี้ ถือเป็นการรื้อฟื้นข้อพิพาทอันยาวนานเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ค้างชำระ และเปิดโอกาสให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายสามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง
บริษัท Shin Corp. ได้ควบรวมกิจการกับ Gulf Energy Development เมื่อต้นปีนี้
ขณะนี้ทักษิณกำลังรับโทษจำคุก 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน หลังจากศาลสูงตัดสินว่าการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลา 6 เดือนเมื่อปี 2566 ไม่นับเป็นระยะเวลาที่รับโทษ


